อาการคัดจมูกนั้นค่อนข้างน่าหงุดหงิดครับ โดยเฉพาะเมื่อการรักษาเบื้องต้นเหมือนจะไม่ได้ผล ในภาพใหญ่โรคภูมิแพ้ เป็นการอักเสบของเยื่อโพรงจมูกที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อมมากเกินไป แล้วการอักเสบนี้แหละครับ ที่เป็นสาเหตุของอาการคัดแน่นจมูกเรื้อรังที่คนไข้กำลังเผชิญอยู่ จริงๆหมอท่านเดิมของคนไข้ทำถูกแล้วที่เริ่มการรักษาด้วยยาพ่นจมูก เนื่องจากยาพ่นจมูก (ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นกลุ่มสเตียรอยด์พ่นจมูก) เป็นการรักษาเดี่ยวที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ในการควบคุมการอักเสบที่เป็นต้นตอของโรคภูมิแพ้ ยานี้ถือเป็นการรักษามาตรฐานและได้ผลดีกับคนส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการรักษาขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญสองประการ คือ การใช้อย่างสม่ำเสมอทุกวันและเทคนิคการพ่นที่ถูกต้อง ยาพ่นจมูกไม่ใช่วิธีแก้ที่ได้ผลทันที และบางครั้งอาจต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองสัปดาห์ต่อเนื่องจึงจะเห็นผลการรักษาเต็มที่
ก่อนที่จะลองเปลี่ยนไปใช้ยาตัวอื่น คนไข้ควรทบทวนเทคนิคการพ่นยาดูก่อน สาเหตุที่พบบ่อยมากที่ทำให้การรักษาไม่ได้ผลคือตัวยาไปไม่ถึงตำแหน่งที่ถูกต้อง ควรพ่นยาโดยเล็งไปตรงกลางๆของรูจมูกแต่ละข้าง การสูดหายใจเข้าเบาๆ ก็เพียงพอที่จะให้ยาเข้าไปได้ การสูดแรงเกินไปจะทำให้ยาไหลลงคอแทน
เนื่องจากคนไข้ยังมีอาการอยู่ ผมคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่ต้องคุยกับหมอเกี่ยวกับขั้นตอนถัดไป เช่นการเจาะเลือดเพื่อดูสารก่อภูมิแพ้ที่สงสัยและพยายามหลีกเลี่ยง นอกจากนี้ยังมีการรักษาด้วยยาหลายตัวร่วมกัน เช่น การกินยาแก้แพ้กลุ่มอื่นร่วมกับยาพ่น หรือการใช้ยาพ่นสูตรผสม หรืออาจจะเป็นการผ่าตัด ซึ่งฟังดูน่ากลัวแต่จริงๆไม่ได้น่ากลัวมากแล้วในปัจจุบัน นอกจากนี้การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ (โดยใช้ขวดบีบหรืออุปกรณ์ล้างจมูก) สามารถช่วยล้างสารก่อภูมิแพ้และน้ำมูกได้ดี ซึ่งอาจจะช่วยให้ยาพ่นออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นด้วย อยากให้กำลังใจและอย่าเพิ่งหมดหวังครับ การรักษาโรคภูมิแพ้ที่มีประสิทธิภาพนั้นมีอยู่หลายวิธี และบ่อยครั้งที่ต้องใช้การลองผิดลองถูกเพื่อหาส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับแต่ละคน ผมแนะนำว่าลองนัดพบหมออีกครั้งเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับทางเลือกอื่นๆ หรือไปพบแพทย์ที่สามารถทำการทดสอบเพื่อระบุสารก่อภูมิแพ้ที่จำเพาะ เพื่อที่จะรู้ว่าจะหลีกเลี่ยงอย่างไร หรือคุยเกี่ยวกับการรักษาเช่นการผ่าตัด รวมไปถึง การฉีดวัคซีนภูมิแพ้เป็นต้นครับ
วิรัช จิตสุทธิภากร