"มันเป็นแค่อาการหวัด" หรือ "เป็นอะไรที่ร้ายแรงหรือไม่"
สาเหตุมีได้หลากหลายของอาการคัดจมูกข้างเดียว
บางข้ออาจจะเป็นโรค บางข้ออาจจะไม่ใช่โรคและไม่ต้องรักษา
การอักเสบ:
- เยื่อบุโพรงจมูกเกิดการอักเสบ เช่นจากโรคภูมิแพ้จมูก โดยมากมักเกิดพอๆกันทั้งสองข้าง แต่ในบางกรณีอาจจะรู้สึกว่าแน่นฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากกว่าได้
- ไข้หวัด ไข้หวัดธรรมดาซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัส เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการอักเสบในโพรงจมูก แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วหวัดจะทำให้คัดจมูกทั้งสองข้าง แต่ในบางครั้งอาการอาจรู้สึกรุนแรงกว่าในข้างใดข้างหนึ่ง หรืออาจสลับข้างไปมาได้ สิ่งสำคัญที่ใช้แยกไข้หวัดธรรมดาออกจากภาวะอื่นคือระยะเวลาของโรค โดยทั่วไปอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายได้เองภายใน 7-10 วัน
- การอักเสบที่ไซนัสจากแบคทีเรีย หรืออักเสบเรื้อรัง ไซนัสคือโพรงอากาศที่อยู่ในกระดูกกะโหลกศีรษะรอบๆ โพรงจมูกของเรา โพรงไซนัสเหล่านี้มีท่อระบายเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับโพรงจมูก เพื่อระบายเมือกและปรับความดันอากาศ เมื่อท่อระบายเหล่านี้อุดตันจากอาการบวมหรือสาเหตุอื่น จะทำให้เมือกคั่งค้างและอาจนำไปสู่การอักเสบติดเชื้อที่เรียกว่า "ไซนัสอักเสบ" แล้วทำให้แน่นจมูกฝั่งที่มีการอักเสบได้
สิ่งแปลกปลอม หรือก้อนเนื้องอก :
- ในเด็กเล็กๆ สิ่งแปลกปลอมในโพรงจมูก เป็นสาเหตุนี้พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งน้องอาจนำของเล่นชิ้นเล็กๆ เมล็ดพืช หรือวัสดุอื่นๆ ใส่เข้าไปในรูจมูกโดยที่ผู้ปกครองไม่ทันสังเกต สิ่งแปลกปลอมที่ค้างอยู่จะทำให้เกิดการอุดตันในทันที และมักจะนำไปสู่การอักเสบติดเชื้อ สัญญาณสำคัญคือการมีน้ำมูกข้น มีสีผิดปกติ (เช่น เขียวหรือเหลือง) และมีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง ไหลออกมาจากรูจมูกเพียงข้างเดียว
- ก้อนเนื้องอก เนื้องอกที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้อาจเป็นได้ทั้งชนิดที่ไม่ใช่มะเร็ง (Benign) และชนิดที่เป็นมะเร็ง (Malignant) แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่ก็เป็นสาเหตุที่ต้องนึกถึงเสมอ โดยเฉพาะเมื่ออาการไม่เข้าข่ายภาวะอื่น อันนี้ต้องมาพบหมอเพื่อส่องเข้าไปดูและวินิจฉัย หรืออาจต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางกับหมอพยาธิ
ความผิดปกติเชิงโครงสร้าง: โครงสร้างภายในจมูก เช่น ผนังกั้นช่องจมูก (Nasal Septum) ซึ่งเปรียบเสมือน "กำแพง" ที่กั้นระหว่างช่องสองช่อง (รูจมูกซ้ายและขวา) โดยปกติแล้วกำแพงนี้ควรจะตั้งตรง แต่ในคนส่วนใหญ่กำแพงนี้อาจจะคดเล็กน้อย ซึ่งหากคดมากเกินไปก็อาจทำให้ช่องจมูกข้างหนึ่งแคบลงและเกิดการอุดตันได้ นอกจากนี้ยังมีกระดูกเทอร์บิเนต (Turbinates) หรือ "ไส้กรองจมูก" ที่อยู่ในโพรงจมูกแต่ละข้าง มีลักษณะเป็นชั้นกระดูกที่คล้ายหิ้ง ยื่นออกมาจากผนังด้านข้างของโพรงจมูกและถูกหุ้มด้วยเยื่อบุที่เต็มไปด้วยหลอดเลือด โครงสร้างนี้ทำหน้าที่เพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสเพื่ออุ่นและเพิ่มความชื้นให้อากาศ แต่เมื่อเยื่อบุเหล่านี้เกิดการอักเสบหรือบวมขึ้น มันก็จะขยายตัวจนกีดขวางทางเดินหายใจ ทำให้เรารู้สึกคัดจมูกได้
Positional Congestion: หลายคนอาจเคยตื่นนอนขึ้นมาพร้อมกับอาการแน่นจมูกในข้างที่นอนทับอยู่ ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า "อาการคัดจมูกตามท่าทาง" ซึ่งเกิดจากผลของแรงโน้มถ่วง เมื่อเรานอนตะแคง เลือดจะไหลเวียนไปรวมกันที่เนื้อเยื่อและหลอดเลือดในโพรงจมูกด้านล่าง ทำให้เยื่อบุบวมและรู้สึกแน่นขึ้น อาการนี้มักจะเกิดขึ้นชั่วคราวและจะค่อยๆ ดีขึ้นเองหลังจากที่เราลุกขึ้นและเปลี่ยนอิริยาบถไปได้สักพัก
เมื่ออาการไม่หายไป ให้สังเกตว่ามี "สัญญาณเตือน" (Red Flags) เหล่านี้ไหม ถ้ามีให้มาพบหมอโดยเร็ว
อาการที่เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง (Progressive) และไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป
เลือดกำเดาไหลบ่อยจากจมูกข้างเดียว โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
อาการปวดหรือชาบริเวณใบหน้า แก้ม หรือฟันบน ที่เป็นอยู่ข้างเดียวและไม่หายไป
ใบหน้าหรือเพดานปากบวม อย่างไม่ทราบสาเหตุ
การมองเห็นผิดปกติ เช่น มองเห็นภาพซ้อน ตามัว หรือตาโปน
มีน้ำตาไหลตลอดเวลา จากจมูกข้างที่มีปัญหา
หูอื้อข้างเดียวและเป็นข้างเดียวกับจมูกข้างที่แน่น สาเหตุอาจเกิดจากก้อนที่อยู่หลังโพรงจมูกโตขึ้นไปกดหรืออุดตันท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube) ซึ่งเป็นท่อที่เชื่อมต่อระหว่างหูชั้นกลางและหลังโพรงจมูก ทำให้การปรับความดันในหูผิดปกติและมีของเหลวคั่งในหูชั้นกลาง
คลำพบก้อนที่คอ การคลำพบก้อนแข็งๆ ที่ด้านข้างของลำคอ
แนวทางการวินิจฉัย
ขั้นตอนแรกที่สุดคือการซักประวัติ และการตรวจร่างกาย
การส่องกล้องตรวจในโพรงจมูก ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการประเมินสภาพของผนังกั้นช่องจมูก, ขนาดของกระดูกเทอร์บิเนต, การมองหาสิ่งแปลกปลอมที่อาจซ่อนอยู่, ตรวจดูว่ามีหนองไหลออกมาจากรูเปิดไซนัสหรือไม่, และสังเกตลักษณะของก้อนเนื้อที่น่าสงสัยซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้จากการตรวจด้วยตาเปล่า การตรวจนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินผู้ป่วยที่มีอาการคัดจมูกเรื้อรัง
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หมอจะสั่งตรวจเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น
การทดสอบภูมิแพ้ ในกรณีที่แพทย์สงสัยว่าอาการคัดจมูกของคุณมีสาเหตุมาจากโรคภูมิแพ้ อาจมีการแนะนำให้ทำการทดสอบภูมิแพ้เพิ่มเติม
ถ้าเจอก้อนเนื้อ อาจจะมีการตัดชิ้นเนื้อในครั้งนั้นเลย หรืออาจจะต้องรอจากการทำ CT scan เสียก่อน
วิรัช จิตสุทธิภากร